~สื่อกับพระสงฆ์...และความเข้าใจ~
ช่วงที่ผ่านมา มีกระแสข่าวทางสื่อโทรทัศน์และโซเชียลมีเดีย เป็นข่าวที่เกี่ยวข้องกับพระสงฆ์ในแง่ลบและส่งผลกระทบต่อพระพุทธศาสนา ซึ่งถ้าเรามองตามความจริง เรื่องนี้มีอยู่ 2 นัยยะ และเราศึกษาในพระไตรปิฎกจะพบว่า
ตั้งแต่ครั้งพุทธกาลเมื่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ยังทรงพระชนม์ชีพอยู่ ก็มีกรณีที่พระสงฆ์ประพฤติผิดวินัย เพราะพระวินัยทั้ง 227 ข้อ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่ได้ทรงบัญญัติขึ้นมาเอง จะต้องมีเหตุเกิดขึ้นก่อน เช่น พระสงฆ์ไปทำสิ่งที่ไม่เหมาะสมจนเกิดเป็นที่ตำหนิ
เมื่อเกิดเรื่องขึ้นพระพุทธเจ้าจึงเรียกประชุมสงฆ์ทั้งหมด สอบถามเรื่องราวเมื่อท่านทรงทราบก็ทรงตั้งข้อบัญญัติขึ้นว่าถ้าเมื่อใดสงฆ์ท่านใดกระทำเช่นนี้จะมีความผิด ถ้าถึงขั้นที่ผิดร้ายแรงก็ถึงขั้น ปาราชิก รองลงมาก็เรียกว่า สังฆาทิเสส ต้องไปอยู่กรรม ถัดมาก็เป็นอาบัติปาจิตตีย์ ซึ่งว่าตามแต่ละกรณี ฉะนั้นข้อบัญญัติทั้ง 227 ข้อที่มีมาจากการกระทำผิดที่เกิดจากการติฉินนินทา
เราต้องเข้าใจ เพราะไม่ว่าจะเป็นยุคสมัยใดก็แล้วแต่ สงฆ์หมู่ใหญ่ผู้คนจำนวนมากมาด้วยความตั้งใจ แต่ก็ยังไม่หลุดพ้นกิเลส ฉะนั้น จึงมีโอกาสที่จะทำความผิดอยู่เป็นธรรมดา โดยเฉพาะเมื่อพระพุทธศาสนาปักหลักมั่นคง ลาภสักการะมีเพิ่มขึ้นก็อาจจะเป็นผู้ที่มาแล้วหวังในลาภสักการะก็มีอยู่ด้วยทางหนึ่ง แต่อีกทางหนึ่งเดิมอาจตั้งใจมาดี แต่เมื่อได้ลาภสักการะมากขึ้นก็เกิดการเปลี่ยนแปลง ซึ่งเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้
จุดแตกต่างระหว่างครั้งพุทธกาลกับปัจจุบันที่สำคัญคือ ในครั้งพุทธกาลเมื่อเกิดเสียงโจษจันก็โจษจันกันแต่ในวงสังคมพระภิกษุสงฆ์รูปนั้น เพราะไม่มีสื่อต่างๆ ทั้งทีวี วิทยุ หนังสือพิมพ์ อินเตอร์เน็ต และโซเชียลเน็ตเวิร์ค แต่ปัจจุบันการสื่อสารเป็นไปอย่างกว้างขวาง
หากจะมีเรื่องพระสงฆ์ที่ไม่ดีเป็นข่าวและเป็นเรื่องจริง จะนำเสนอไปแล้วก็ไม่เป็นปัญหาเพราะถ้าไม่นำเสนอเลยคงไม่ได้ แต่ขอความเป็นธรรมให้กับพระพุทธศาสนาด้วย เพราะเมื่อนำเสนอเรื่องที่ไม่ดีแล้วก็ขอให้นำเสนอเรื่องที่ดีด้วยให้ได้สัดส่วน...คลิกอ่านต่อ...
https://www.blockdit.com/posts/6275cb1969b238a8a80d811a
0 สาธุ