ชาติหนึ่ง นายโฆสกะเกิดเป็นสุนัขอยู่ที่บ้านของคนเลี้ยงโคแห่งหนึ่ง และที่บ้านนั้นมีพระปัจเจกพุทธเจ้ารูปหนึ่งมาบิณฑบาตเป็นประจำ สุนัขตัวนั้นเป็นสุนัขที่ฉลาดและมีความคุ้นเคยกับพระปัจเจกพุทธเจ้ามาก เพราะท่านมักจะให้อาหารมันกิน

คนเลี้ยงโคฝึกสุนัขตัวนั้นจนรู้ความ วันไหนที่จะนิมนต์พระปัจเจกพุทธเจ้ามาฉัน ก็จะส่งสุนัขตัวนั้นไป ระหว่างทางจุดไหนที่รกเกรงจะมีงูหรือสัตว์ร้าย สุนัขก็จะเห่าไล่มันไป เพื่อป้องกันภัยให้พระปัจเจกพุทธเจ้า

ต่อมาเมื่อสุนัขตายได้ไปเกิดในเทวโลกด้วยจิตที่ผูกพันในพระปัจเจกพุทธเจ้า เมื่อจุติจากเทวโลกแล้วได้มาเกิดในกรุงโกสัมพีในยุคพุทธกาล โดยเกิดเป็นลูกของหญิงโสเภณี เมื่อหญิงนั้นรู้ว่า ลูกคือโฆสกะเป็นผู้ชายจึงให้คนนำไปทิ้ง เพราะไม่สามารถสืบทอดงานขายบริการของตนได้ ทั้งนี้ก็เพราะกรรมที่ชาติก่อนนายโฆสกะเคยทิ้งลูกของตนให้ตายขณะเป็นทารก เพราะหมดเสบียงขณะเดินทางผ่านถิ่นทุรกันดาร

แต่บุญที่เคยป้องกันภัยให้พระปัจเจกพุทธเจ้าสมัยที่เกิดเป็นสุนัข ทำให้สัตว์ต่างๆที่พยายามเข้ามาจะกิน ทารกโฆสกะซึ่งถูกทิ้งไว้บนกองขยะ ไม่อาจจะเข้าใกล้ได้ ในที่สุดมีคนมาพบและนำไปเลี้ยง ต่อมาเศรษฐีประจำเมืองโกสัมพีนำทารกโฆสกะไปเลี้ยงเป็นลูกบุญธรรมเพราะโหรทำนายว่า ฤกษ์เกิดของทารกโฆสกะเป็นฤกษ์ของผู้ที่จะได้เป็นเศรษฐีประจำเมืองคนต่อไป

เศรษฐีตั้งใจว่า หากลูกในท้องภรรยาของตนเกิดมาเป็นหญิง จะให้แต่งงานกับนายโฆสกะ แต่ถ้าลูกของตนเกิดเป็นชาย จะฆ่านายโฆสกะทิ้งเสีย ตำแหน่งเศรษฐีจะได้ตกแก่ลูกชายของตน เมื่อภรรยาคลอดปรากฏว่า เศรษฐีได้ลูกเป็นผู้ชาย

ด้วยเหตุนี้ เศรษฐีจึงพยายามฆ่าทารกโฆสกะถึง 6 ครั้ง แต่ไม่สำเร็จ คือ เอาไปวางไว้ปากคอกวัวเพื่อให้วัวเหยียบ, เอาไปวางไว้ที่ถนนเพื่อให้เกวียนทับ, เอาไปทิ้งไว้ที่ป่าช้า, เอาไปโยนเหว, ส่งไปให้คนฆ่าแต่ผิดพลาดลูกชายแท้ๆกลับถูกฆ่าแทน และก่อนตายเศรษฐีได้ส่งนายโฆสกะไปให้คนฆ่าอีกครั้ง แต่ไม่สำเร็จ

บุญที่ช่วยป้องกันภัยให้พระปัจเจกพุทธเจ้าสมัยเกิดเป็นสุนัขช่วยผ่อนกรรมที่เคยทิ้งลูก จากกรรมหนักให้เป็นเบา แม้ถูกจับโยนเหวก็ไม่ตาย โดยครั้งนั้น เศรษฐีกล่าวกะนางทาสีชื่อกาลีว่า “แม่กาลีเจ้าจงเอาเด็กนี้ไป ขึ้นสู่ภูเขาอันเป็นที่ทิ้งโจร จงโยนมันลงไปในเหวมันกระทบท้องภูเขา จักเป็นท่อนเล็กท่อนน้อย”

นางกาลีนำเด็กนั้นไปที่นั้นแล้ว ยืนอยู่บนยอดเขาโยนลงไป ข้างล่างมีพุ่มไผ่ใหญ่ขึ้นที่เชิงเขา และมีพุ่มกระพังโหมหนาทึบคลุมบนพุ่มไผ่นั้นไว้ ทารกเมื่อตกจึงตกลงบนพุ่มนั้น เหมือนตกลงบนผ้าขนสัตว์

ในวันนั้น หัวหน้าช่างสานคนหนึ่งต้องการไม้ไผ่ เขากับลูกชายได้ไปตัดไผ่พุ่มนั้น เมื่อพุ่มไผ่ไหวเด็กก็ร้องขึ้นเขาจึงพูดว่า “เหมือนเสียงเด็ก” จึงขึ้นไปดู เห็นเด็กนั้นมีใจยินดีจึงพาไปเลี้ยง คิดว่า “เราได้ลูกชายแล้ว” นางกาลีเฝ้าดูอยู่จึงไปรายงานเศรษฐี ๆ กล่าวว่า “เจ้าจงไป เอาทรัพย์ให้เขา 1,000 แล้วนำมันกลับมา” เพื่อหาวิธีฆ่าต่อไป แต่ไม่สำเร็จสุดท้ายเศรษฐีก็ตรอมใจตาย นายโฆสกะจึงได้สมบัติของเศรษฐีทั้งหมดและเป็นเศรษฐีประจำเมืองคนต่อไป

อ้างอิง : พระไตรปิฎกและอรรถกถาแปล ฉบับมหามกุฎราชวิทยาลัย เล่ม 40 หน้า 229 - 253
Cr.เพจ พม.สมคิด ชยาภิรโต
#พระไตรปิฏก #ผู้นำแสงสว่างออนไลน์ #072today
0 สาธุ