พระพุทธองค์ตรัสว่า "กัลยาณมิตร เป็นทั้งหมดของพรหมจรรย์"
หลายคนอาจเคยได้ยินมาบ่อยๆ หลายคนก็ไม่รู้ว่าหมายถึงอะไร และจะเอาคำสอนนี้ไปใช้ให้เป็นประโยชน์ในการดำรงชีวิตได้อย่างไร
พุทธพจน์นี้ มี key word อยู่ 3 คำ คือ ..
1. พรหมจรรย์ หมายถึง การประพฤติธรรมอันประเสริฐ หรือการครองชีวิตอันประเสริฐ ซึ่งธรรมอันประเสริฐก็คือ มรรคผลนิพพาน
2. ทั้งหมด ความหมายก็ชัดเจน คือ ต้องอาศัยทั้งหมด เต็มส่วน 100%
3. กัลยาณมิตร หมายถึง เพื่อนที่ดี ซึ่งดีในที่นี้หมายถึง มีคุณธรรมตรงตามกัลยาณธรรม 7 ประการ ไม่ใช่ดีตามหลักความเชื่ออื่น หรือดีตามความหมายที่เข้าใจเอาเอง
ซึ่งกัลยาณธรรม 7 ประการ คือ ..
1. ปิโย คือ มีความน่ารัก อยู่ด้วยแล้วสบายใจ
2. ครุ คือ น่าเคารพ ประพฤติตนสมแก่ฐานะ
3. ภาวนีโย คือ น่ายกย่อง มีคุณธรรม น่าเอาเป็นแบบอย่าง
4. วัตตตา คือ รู้จักพูดชี้แจงให้เข้าใจ(เป็นนักพูด)
5. วจนักขโม คือ อดทนต่อถ้อยคำ
6. คัมภีรัญจะ กถัง กัตตา คือ อธิบายเรื่องยากๆให้เข้าใจได้
7. โน จัฏฐาเน นิโยชเย คือ ไม่ชักนำไปในทางเสื่อม
สรุปความว่า คนจะดีได้ ไม่ใช่ว่าจะดีได้ด้วยตัวเอง คนจะดีได้ต้องมีคนคอยแนะนำเสมอ เพราะเกิดมาก็เกิดมาตัวเปล่าๆ ไม่รู้อะไรเลย การที่จะรู้อะไรก็ต้องอาศัยเรียนรู้เอาจากคนอื่นทั้งสิ้น
ดังนั้น ชีวิตนี้จึงจำเป็นต้องมีกัลยาณมิตร หรือคบหากัลยาณมิตร ซึ่งก็คือมิตรที่มีคุณธรรม 7 ประการดังกล่าว และเมื่อเจอแล้ว ก็จงฝืนทนคบหามิตรนั้น แม้จะถูกไล่ก็จงอย่าไป ดังพระดำรัสของพระบรมศาสดาว่า ...
"มิตรเป็นที่รัก เป็นที่เคารพ เป็นที่ยกย่อง เป็นนักพูด เป็นผู้อดทนต่อถ้อยคำ
พูดถ้อยคำลึกซึ้งได้ ไม่ชักนำในอฐานะ ในโลกนี้ ฐานะเหล่านี้มีอยู่ในบุคคลใด บุคคลนั้นจัดว่าเป็นมิตรผู้มุ่งประโยชน์และอนุเคราะห์ ผู้ต้องการจะคบมิตร ควรคบมิตรเช่นนั้น แม้จะถูกขับไล่ก็ตาม"
แต่ถ้าเจอมิตรไม่ดี ก็อย่าถึงกับต้องโดนไล่เลย เลิกคบแต่เนิ่นๆทันทีที่รู้ความจริงว่าเป็นคนไม่น่าคบ จะดีที่สุด และที่สำคัญก็คือ อยากได้มิตรดี ตัวเราก็ต้องดีมีคุณธรรมให้พอเหมาะพอสมกับมิตรที่เราจะคบด้วย เห็นใจคนออกปากไล่ด้วย มันจะต้องแย่ขนาดไหน ที่ขนาดคนดีๆมีกัลยาณธรรม ยังออกปากไล่
Cr.fb. Somchet Mhin Jearanaisilpa
#กัลยาณมิตร #มิตรแท้ #ผู้นำแสงสว่างออนไลน์ #072today