เวลาเรารับศีล 5 จากพระภิกษุ ในช่วงท้ายท่านจะสรุปศีลว่า "อิมานิ ปัญจะ สิกขาปะทานิ, สีเลนะ สุคะติง ยันติ, สีเลนะ โภคะสัมปะทา, สีเลนะ นิพพุติง ยันติ, ตัสมา สีลัง วิโสทะเย" มีคำแปล ดังนี้

อิมานิ ปัญจะ สิกขาปะทานิ แปลว่า สิกขาบททั้งหลาย คือ ศีล 5 เหล่านี้

สีเลนะ สุคะติง ยันติ แปลว่า ศีลเป็นเหตุให้ถึงสุคติ

สีเลนะ โภคะสัมปะทา แปลว่า ศีลเป็นเหตุให้ถึงพร้อมด้วยโภคทรัพย์

สีเลนะ นิพพุติง ยันติ แปลว่า ศีลเป็นเหตุให้ถึงพระนิพพาน

ตัสมา สีลัง วิโสทะเย แปลว่า เพราะเหตุนั้น พึงรักษาศีลให้หมดจด คือ บริสุทธิ์

บทสรุปศีลที่พระภิกษุกล่าวนี้ นำมาจากพระไตรปิฎกซึ่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสอานิสงส์ของศีลไว้ คือ ครั้งหนึ่งพระองค์แสดงธรรมแก่อุบาสก อุบาสิกา ชาวบ้านปาฏลิ เรื่องอานิสงส์แห่งศีลว่ามี 5 ประการ

1. คนมีศีลย่อมได้กองโภคทรัพย์ใหญ่
2. ชื่อเสียงที่ดีงามของคนมีศีล ย่อมฟุ้งขจรไป
3. คนมีศีลเมื่อไปในที่ใดย่อมแกล้วกล้า ไม่เก้อเขิน
4. คนมีศีลเมื่อถึงคราวละโลกจะมีสติ
5. คนมีศีลเมื่อละโลกแล้วจะเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์

ส่วน สีเลนะ นิพพุติง ยันติ คือ ศีลเป็นเหตุให้ถึงพระนิพพานนั้น บันทึกอยู่ใน "อุปนิสาสูตร" มีใจความโดยสรุปว่า ผู้ไม่มีศีลจิตจะมีวิปฏิสารคือมีความเดือดร้อนใจเพราะตนไปทำผิดไว้ จะเป็นเหตุให้นั่งสมาธิแล้วไม่อาจจะทำให้ใจหยุดนิ่งได้ แต่ผู้ที่มีศีลจะไม่มีความเดือดร้อนใจใดๆ เวลานั่งสมาธิจิตจะหยุดนิ่งได้เร็ว จะบรรลุธรรมไปตามลำดับ หากบารมีเต็มแล้วก็จะเป็นพระอรหันต์และเข้าสู่อายตนนิพพานได้ในที่สุด

สีเลนะ โภคะสัมปะทา คือ ศีลเป็นเหตุให้ถึงพร้อมด้วยโภคทรัพย์นั้น ถ้าเป็นพระภิกษุที่มีศีล และตั้งใจปฏิบัติธรรม โยมเห็นแล้วก็จะอยากทำบุญเพราะท่านเป็นเนื้อนาบุญ ทำแล้วจะได้บุญมาก

ส่วนฆราวาสที่มีศีล ก็จะน่าเชื่อถือ หรือมีเครดิต คนก็ไว้วางใจที่จะทำธุรกิจด้วย เป็นเหตุให้มีทรัพย์ แต่ถ้าไม่มีศีล เป็นคนหลอกลวง ขายของก็ย้อมแมวขาย ไม่ตรงไปตรงมา เมื่อลูกค้าจับได้ ก็จะเสียเครดิต ต่อไปก็จะขายของไม่ได้ สุภาษิตที่ว่า "ซื่อกินไม่หมด คดกินไม่นาน" ก็นำมาจากอานิสงส์การรักษาศีลนั่นเอง

* อ้างอิง : พระไตรปิฎกและอรรถกถาแปล ฉบับมหามกุฎราชวิทยาลัย เล่ม 7 หน้า 114-115 , เล่ม 24 หน้า 292
Cr.เพจ พม.สมคิด ชยาภิรโต
#พระไตรปิฏก #ศีล5 #ผู้นำแสงสว่างออนไลน์ #072today
0 สาธุ