หลวงพ่อตอบปัญหา : ทำไมทุกวันพระต้องทำบุญให้ญาติมิตรที่ละโลกไปแล้วคะ?

"ครั้งเมื่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ใหม่ ๆ ทรงเสด็จไปที่แคว้นมคธ เพราะว่าได้รับปากกับพระเจ้าพิมพิสารเอาไว้

เมื่อเสด็จไป แล้วก็ไปเทศน์โปรดชาวแคว้นมคธ พระเจ้าพิมพิสารก็ทำบุญ เกิดอะไรขึ้น

ทำบุญอยู่ตกกลางคืน มีเปรตมาร้องโหยหวนด้วย พระเจ้าพิมพิสารรีบไปหาพระพุทธเจ้า

เมื่อคืนได้ยินเสียงเปรตมาร้องโหยหวน จะเกิดเรื่องอะไรร้าย ๆ กับพระองค์ หรือบ้านเมือง

ญาณทัศนะของพระองค์มองออก ก็ตอบไปบอกว่า เรื่องร้าย ๆ อะไรไม่เกิดหรอก

แต่ที่เปรตมาร้องไม่ใช่ใคร หมู่ญาติของพระองค์ในชาติที่แล้ว ๆ

พวกนี้เคยทำเรื่องเกะกะเกเรเอาไว้ เมื่อไหร่จะพ้นเวรจากเป็นเปรตสักที

พระพุทธเจ้าองค์ก่อนบอกไปถามองค์ข้างหน้า ไล่มาเรื่อย ๆ

จนกระทั่งพระองค์หนึ่งบอกว่า เมื่อญาติของคุณชื่อพิมพิสารมาเกิด

เขาก็จะทำบุญอุทิศส่วนกุศล ตอนนั้นก็จะพ้นจากสภาพการเป็นเปรต

พระเจ้าพิมพิสารก็ทำบุญแล้ว แต่ไม่ได้อุทิศส่วนกุศลให้ ก็เลยมาร้อง ไม่ปรากฏกายให้เห็น

มาเพื่อจะบอกว่า ช่วยทำบุญอุทิศมาให้ด้วยเถิด วันนั้นก็ทำบุญอุทิศให้เลย

ทั้งข้าวปลาอาหาร เสื้อผ้าผ่อน ท่อนสไบ ผ้าไตรจีวรถวาย

บุญนั้นก็ทำให้เปรตกลายเป็นหมดเวร กลายเป็นเทวดา กลายเป็นนางฟ้าไป

แล้วก็มาขอบคุณพระองค์ ต่อมาก็มีการทำบุญอย่างนี้กันตลอดมา

เพราะไม่มีใครที่ไม่มีญาติ ญาติบางคนก็ไปดีไปร้ายไม่แน่ นี้คือที่มา

เมื่อเราทำแล้วได้อะไร ก็คนส่วนมากใครจะไปรู้ ว่าพ่อแม่ตายแล้วไปไหน

ถ้าไปดีแล้วไปสวรรค์ก็นึกว่าเพิ่มบุญให้ท่าน ทั้งหมดนี้ก็เลยกลายเป็นว่า

ถ้าทำอุทิศให้กับผู้มีพระคุณ ก็กลายเป็นความกตัญญูกตเวที

ถ้าผู้ที่ละโลกไปนั้นเป็นพรรคพวกเพื่อนฝูง ก็เป็นน้ำใจไมตรีของเรา เป็นเมตตากรุณาของเราไป

แล้วโดยเฉพาะอย่างยิ่ง เรามุ่งไปที่ ผู้มีพระคุณ

การที่คนเรายังนึกถึงพระคุณกันอยู่แล้วก็โลกนี้ยังเป็นสุข

ถ้าท่านลาโลกไปแล้ว ไปดี ได้บุญเยอะ ๆ เพิ่มให้ท่าน

ถ้าท่านไปไม่ดี ไปเป็นเปรตเป็นอะไร จะได้พ้นสภาพนั้นเสียที

และที่แน่ ๆ เราได้ เพราะฉะนั้นเมื่อมีโอกาส เมื่อนึกอะไรไม่ออกให้หาเรื่องทำบุญ

เพราะบุญเป็นมิตร มีอุปการะข้ามชาติ ติดตามตัวเราไปเหมือนอย่างกับเงาตามตัว

ถ้าใครทำมันเป็นเรื่องของการเตือน ให้มีกตัญญูกตเวที

พอทำบ่อยเข้าก็นึกถึงแต่ความดีของกันและกัน หรือไม่ก็ทำให้เกิดความเมตตากรุณา

ก็เป็นเรื่องของความทำความดีซึ่งกันและกัน เมื่อเป็นอย่างนี้เข้าโลกสงบสุขแน่นอน

ทำให้มากเท่าไหร่ ก็ดีเท่านั้น เพราะคนแรกที่ได้ก็คือตัวเราเอง ทำเถิด"
๑๒ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๕

#หลวงพ่อทัตตชีโว #คำสอนมหาปูชนียาจารย์ #ผู้นำแสงสว่างออนไลน์ #072today