พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้หลายพระสูตรว่า "สงสารนี้กำหนดที่สุดเบื้องต้นเบื้องปลายไม่ได้" สงสาร ก็คือ วัฏสงสาร หมายถึง การเวียนว่ายตายเกิดของมนุษย์และสรรพสัตว์ทั้งหลายนั้นยาวนานมากๆๆๆ จนยากจะรู้จุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุดของวัฏสงสาร

ในปุคคลสูตร พระองค์ตรัสว่า "สงสารกำหนดที่สุดเบื้องต้นเบื้องปลายไม่ได้ เมื่อบุคคลหนึ่งท่องเที่ยวไปมาอยู่ตลอดกัปหนึ่ง (เวียนว่ายตายเกิด) พึงมีโครงกระดูกใหญ่เท่าภูเขาเวปุลละ" โดยภูเขาเวปุลละนั้นอยู่ทิศเหนือของภูเขาคิชฌกูฏ ใกล้เมืองราชคฤห์ ประเทศอินเดีย

ในสาสปสูตร พระองค์ตรัสถึงความยาวนานของ 1 กัป ไว้ว่า "ดูก่อนภิกษุ กัปหนึ่งนานแล มิใช่ง่ายที่จะนับกัปนั้นว่า เท่านี้ปี เท่านี้ 100 ปี เท่านี้ 1,000 ปี หรือว่าเท่านี้ 100,000 ปี อุปมาเหมือนว่า นครที่ทำด้วยเหล็ก ยาว 1 โยชน์ (16 กิโลเมตร) กว้าง 1 โยชน์ สูง 1 โยชน์ เต็มด้วยเมล็ดพันธุ์ผักกาด บุรุษหยิบเอาเมล็ดพันธุ์ผักกาดเมล็ดหนึ่ง ๆ ออกจากนครนั้น โดยล่วงไป 100 ปี ต่อ 1 เมล็ด เมล็ดพันธุ์ผักกาดกองใหญ่นั้นถึงความสิ้นไป หมดไป ยังเร็วกว่าแล ส่วนกัปหนึ่งยังไม่ถึงความสิ้นไป หมดไป

กัปนานอย่างนี้แล บรรดากัปที่นานอย่างนี้พวกเธอท่องเที่ยวไปแล้วมิใช่หนึ่งกัป (เวียนว่ายตายเกิด) มิใช่ร้อยกัป มิใช่พันกัป มิใช่แสนกัป ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะว่าสงสารกำหนดที่สุดเบื้องต้นเบื้องปลายไม่ได้ ก็เหตุเพียงเท่านี้พอทีเดียวเพื่อจะเบื่อหน่ายในสังขารทั้งปวง พอเพื่อจะคลายกำหนัด พอเพื่อจะหลุดพ้น"

การที่มนุษย์แต่ละคนเวียนว่ายตายเกิดกันมานับชาติไม่ถ้วน แต่ละชาติที่เกิดมาก็มีโอกาสทำทั้งบุญและบาป โดยบาปนั้นเปรียบเหมือน "ระเบิดเวลา" ที่ฝั่งอยู่ในตัวเรา ยามใดที่ใจเศร้าหมอง บาปจะได้ช่องส่งผลให้เราประสบทุกข์และโรคภัยต่างๆ

ใจเศร้าหมองเพราะการทำบาปและหมั่นนึกถึงบาป แต่ถ้าเราทำแต่บุญและหมั่นนึกถึงบุญด้วยความปลื้มใจบ่อยๆ บุญก็จะได้ช่องส่งผลให้เราประสบความสุขความสำเร็จยิ่งๆขึ้นไปและบาปก็จะส่งผลช้าลง หรือถ้าใจเราอยู่ในบุญมากๆ บาปจะไม่ได้ช่องส่งผลตลอดชีวิต

พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า "มะโนปุพพังคะมา ธัมมา มะโนเสฏฐา มะโนมะยา มะนะสา เจ ปะทุฏเฐนะ ภาสะติ วา กะโรติ วา ตะโต นัง ทุกขะมะเนวะติ จักกังวะ วะหะโต ปะทัง" แปลว่า " ธรรมทั้งหลาย มีใจเป็นหัวหน้า มีใจเป็นใหญ่ สำเร็จแล้วด้วยใจ ถ้าบุคคลมีใจร้าย พูดอยู่ก็ดี ทำอยู่ก็ดี ทุกข์ย่อมไปตามเขาเพราะเหตุนั้น ดุจล้อเกวียนหมุนไปตามรอยเท้าโค ผู้นำแอกไปอยู่ฉะนั้น"

จากพุทธพจน์นี้สรุปได้ว่า เมื่อบุคคลมีใจร้าย คือ ใจมีกิเลสครอบงำ ได้แก่ โลภ โกรธ หลง ก็จะพูดผิด และทำผิด คือ ผิดศีล 5 เป็นต้น แล้วจะมีบาปติดตัวไปตลอดชีวิตและติดไปชาติหน้าดุจล้อเกวียนหมุนไปตามรอยเท้าโค และบาปนี้แหละที่จะส่งผลให้เกิดทุกข์

* พระไตรปิฎกและอรรถกถาแปล ฉบับมหามกุฎราชวิทยาลัย เล่ม 26 หน้า 515-516, 521-522, เล่ม 40 หน้า 34.

Cr.เพจ พม.สมคิด ชยาภิรโต
#กฏแห่งกรรม #ธรรมะ #ผู้นำแสงสว่างออนไลน์ #072today
0 สาธุ